เตือนภัย! สาวมาเลฯ จองห้องพักรีวิว 9.2 แต่พบกล้องจิ๋วซ่อนในห้องน้ำ

เตือนภัย! สาวมาเลฯ จองห้องพักรีวิว 9.2 แต่พบกล้องจิ๋วซ่อนในห้องน้ำ

สาวมาเลเซียรายหนึ่งนามว่า รูบี้ วู ได้ออกมาโพสต์เตือนภัยผ่านทางเฟสบุ๊กว่า ตนเพิ่งเจอกับประสบการณ์สุดสะพรึงเมื่อได้จองห้องพักผ่านเว็บดังในเมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส และเลือกห้องพักที่ได้คะแนนรีวิวถึง 9.2 แต่กลับมาพบกล้องจิ๋วซ่อนอยู่ภายในห้องน้ำ และเตือนว่าไม่ว่าจะดูน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่ก็เชื่อถือไม่ได้ทั้งหมดจริงๆ

โดยรูบี้บอกว่าขณะที่เพื่อนคนหนึ่งอยู่ในห้องน้ำ 

เพื่อนรู้สึกว่ามองไปแล้วมีความผิดปกติ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าเป็นเหมือนกล้องจิ๋วซ่อนอยู่ในเต้าเสียบปลั๊กไฟ ตนและเพื่อนสาวจึงรีบโทรแจ้งตำรวจด้วยความตื่นตระหนก แต่กว่าจะพูดจาเข้าใจกับตำรวจที่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ก็กินเวลานาน

รูบี้เล่าว่า ตอนที่ตำรวจมากดกริ่งหน้าบ้านที่ทั้งสองพัก ตนเห็นว่าเจ้าของบ้านดูมีพิรุธและค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าของบ้านรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อตำรวจมาและรื้อจนเจอกล้องจิ๋วตัวนั้น พวกตนก็รีบเก็บกระเป๋าและออกมาทันที โดยขณะที่ยื่นกุญแจให้กับตำรวจนั้น ตนสังเกตว่าเจ้าของบ้านไม่ยอมสบตาทั้งสองเลย

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นั่งแท็กซี่ออกมาก็เห็นว่าตำรวจยืนสูบบุหรี่คุยกับเจ้าของบ้านด้วยท่าทางสบายๆ จึงคิดว่าตำรวจไม่น่าจะดำเนินการอะไรแน่ๆ ดังนั้น เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้รังแก วันรุ่งขึ้น ตนและเพื่อนจึงเข้าพบตำรวจท่องเที่ยวเพื่อแจ้งความอีกครั้ง และแม้ว่าตำรวจจะรับเรื่องไป แต่ก็ต้องใช้เวลาดำเนินการอีกพักใหญ่

รูบี้หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทธาหรณ์ให้นักเดินทางคนอื่นๆ ได้ว่า ให้ตื่นตัวและระมัดระวังอยู่ตลอด และตรวจสอบที่พักให้มั่นใจเสมอ

ตัวละครนี้แรกๆก็ดูเหมือนจะมีความพิเศษ เพราะจากตัวอย่างบอกว่ามาจากโลกคู่ขนาน แต่คุณจะเซอร์ไพรส์ถ้าได้รู้ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นใครมาจากไหน บอกได้ว่า อ๋ออออออ ตัวเบ้อเร่อ. เราได้เห็นความสัมพันธ์ของสไปดี้และมิสเตอร์รีโอ ในมุมมองของเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา จนทำให้สไปดี้ไว้ใจ และเชื่อว่าเขานี่แหละคือฮีโร่ตัวจริง

พาร์ทจีบสาวของสไปดี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก แอบนึกด้วยซ้ำว่านี่มันหนังซุปเปอร์ฮีโร่หรือหนังวัยรุ่นวุ่นรนักกันเนี่ย มันมีความอมยิ้ม ความฟินอยู่ในตัว ที่ไม่ดูหวานมากไปหรือทื่อมากไป

โดยรวม Spider-Man: Far From Home เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่สดใส วัยรุ่นชอบ ลงตัวในทุกมิติ ควรค่าแก่การไปดูรอบสองมาก 5555 แอบบอกนิดนึงว่า ฉาก End Credit มีสองฉาก ฮากแรกมีอีสเตอร์เอ้ก ตัวละครเก่าโผล่ออกมาให้เห็นด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีส่วนยังไงกับเรื่อง และเผยให้เห็นอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างสำคัญ ส่วนฉากที่สองก็สำคัญไม่แพ้กัน หากใครที่เป็นแฟน MCU จะร้องอ๋อออออ พร้อมกับคำถามที่ว่า นิค ฟิวรี่ ไปทำอะไรที่นั่น………!!!

ชายาเจ้านครดูไบที่หนีออกนอกประเทศ ที่แท้เหตุเพราะรู้ความจริงอันน่าสะพรึง

หลังจากมีข่าวครึกโครม เจ้าหญิงฮายา บิน อัล ฮุสเซน พระชายาของ ชีคห์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ ทรงพา พระโอรส ซาอิส พระชันษา 7 ปี พร้อมทั้ง พระธิดา อัล จาลิลา พระชันษา 11 ปี หลบหนีออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็มีข่าวสาเหตุการหนีครั้งนี้ว่าเป็นเพราะ เจ้าหญิงฮายา ไปล่วงรู้ถึงเบื้องหลังเหตุการณ์ เจ้าหญิงเชค ลาติฟา มุฮัมมัด อัลมักตูม หนึ่งในพระธิดาของเจ้าผู้ครองนครดูไบ ที่ทรงหลบหนีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อปีที่แล้ว

ซึ่งเรื่องการหลบหนีของเจ้าหญิงลาติฟาที่ไม่สำเร็จ และโดนส่งกลับไปยังดูไบนี้ สร้างความหวาดกลัวให้กับเจ้าหญิงฮายา เป็นอย่างมาก แม้ว่าในทีแรกเจ้าหญิงฮายา จะออกมาปกป้องพระสวามีและชื่อเสียงของดูไบ แต่เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงและเบื้องหลังเรื่องนี้ ก็ทำให้เกิดความเกลียดชังและหวาดกลัว อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากสมาชิกราชวงศ์ทางฝั่งพระสวามีเพิ่มขึ้น ทำให้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องหนีไป

และแม้ว่าทางการจะออกมาแถลงว่า เป็นเรื่องของการแสวงหาผลประโยชน์ และเจ้าหญิงลาติฟาทรงกลับไปอยู่ที่ดูไบโดยปลอดภัย แต่ทางด้านกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า เจ้าหญิงลาติฟาทรงถูกบังคับลักพาตัวกลับมาโดยที่ไม่เต็มใจ

ขณะนี้ มีรายงานจากบีบีซีว่า เจ้าหญิงฮายาทรงพำนักอยู่ที่ทาวน์เฮ้าส์หรูมูลค่า 85 ล้านปอนด์ (ราว 3.2 พันล้านบาท) บนถนนเคนซิงตัน พาเลซ การ์เด้น ใจกลางกรุงลอนดอน และเตรียมพร้อมต่อสู้ทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สถานทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในกรุงลอนดอน ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ โดยระบุว่าเป็นเรื่องส่วนพระองค์ระหว่างทั้งสอง

Robin Li, CEO ผู้ก่อตั้ง Baidu บริษัทเทคโนโลยีด้านอินเตอร์เน็ตและ AI รายใหญ่ของจีน ขณะพูดอยู่บนเวทีเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ยานยนต์ขับเคลื่อด้วยตัวเองในงาน Baidu Creat 2019 อยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อสีดำ มีป้ายห้อยคอคล้ายเจ้าห้นที่ในงาน เดินขึ้นมาพร้อมขวดน้ำ แล้วเทน้ำราดไปบนหัวของ Robin

เขาถอยหนีออกมา สะบัดน้ำออกจากหัวพร้อมถามชายคนนั้นวา “มีปัญหาอะไรหรือ”  หลังจากนั้นเขาก้พูดต่ออีกว่า “อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ หนทางการพัฒนา AI อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่เราก็ยังมีความมั่นใจและเชื่อมั่นว่า AI จะเปลี่ยนชีวิตของทุกคน”  ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเปิดเผยว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร หรืออะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำแบบนั้น

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า